วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Bloodhound (Cinderella #1)




Bloodhound (Cinderella #1)





ชื่อเรื่อง Bloodhound (Cinderella #1)
ผู้แต่ง รถขนมปังกรอบ/BiscuitBus
ประเภท : สืบสวน
สำนักพิมพ์ : สามสิบบุ๊ค
เรื่องย่อ
ชีวิตของเธอสงบสุขดี แม้จะไม่เหมือนคนอื่นในวัยเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันยากและรันทด ไม่เคยเอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเป็นนิยาย ยิ่งคำว่า "เทพนิยาย" ยิ่งห่างไกล ตื่นขึ้นมาแต่ละวันก็แค่เอาชีวิตให้รอด ทำงาน ดิ้นรนอยู่ในโลกแห่งเงามืด ในฐานะ "หมาไน"
แต่ใครจะรู้ วันหนึ่ง ... เรื่องเหลือเชื่อเหมือนเทพนิยายก็หล่นลงมาอยู่ในชีวิตอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวมันไม่ได้สวยหรูงดงามเหมือนในนิทาน แต่มันกลับนำพาตัวเธอให้เดินเข้าสู่เส้นทางอันตรายยิ่งกว่าครั้งไหนๆทั้งชีวิตสงบสุข ถูกพลิกผันไปในชั่วข้ามคืนเดียว แค่เพราะ ชายคนหนึ่งกับคำว่า "แต่งงาน"



                เรื่องเป็นเรื่องราวของเด็กสาววัย 16 ปี ที่ทำงานผิดกฎหมาย ในฐานะ หมาไน (ลักพาตัว หาข่าวสาร) จนกระทั้งมาพบกับ เนธาน แวนดิแคมป์ ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยการจดทะเบียนสมรสแบบไม่ได้ตั้งใจ โชคไม่ได้เข้าข้างเธอเลย เมื่อมาแต่งงานกับตระกูลแวนดิแคมป์ กฎตายตัวคือห้ามหย่า ซ้ำร้ายกว่านั้น พ่อของ เนธาน คือ อีธาน แวนดิแคมป์ มาเฟียแพนตากอน  สั่งให้เลิกอาชีพหมาในอย่างเด็ดขาด เรื่องมันยังไม่จบง่ายขนาดนั้น เมื่องานเก่ายังไม่ปิดจ๊อบ เธอก็จำเป็นต้องกลับไปสานต่อให้จบ

                สิ่งหนึ่งที่เราชอบในเรื่องเลยคือหักมุม
                เรื่องเปิดมาด้วยการเล่าความเป็นมาของนางเอก ทำให้เรารู้สึกว่านางเอกเก่งมาก เมื่อมาเจอพระเอกเราคิดว่ายังไงก็รอด ตามระเบียบแต่เปล่า สุดท้ายนางเอกก็ถูกจับล่ามโซ่อยู่ในตระกูลแวนดิแคมป์ คือเราชอบตรงนี้ที่ไม่ใช่นางเอกเก่งเกินคน ให้เรารู้สึกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ซึ่งมันหายากมากในนิยายแนวๆ นี้ (ส่วนใหญ่พระเอก นางเอกจะเก่งเว่อร์ๆ) ส่วนของพระเอก เราก็ชอบอีก มันแตกต่างจากเรื่องอื่น (ส่วนใหญ่ชอบให้พระเอกมีนิสัยเย็นชา) ดูเป็นคนชอบเข้าสังคม มีรอยยิ้มค้าขาย แต่เหมือนมีกำแพงบางกันอยู่ตลอดเวลา เหมือนอยู่ใกล้แต่อยู่ไกล

                มาถึงจุดหักมุมแรกในเรื่อง ด้วยความโกรธทำให้นางเอกเสียคนที่รักไป แต่นางเอกก็ไม่ได้จมอยู่ในความเศร้านานขนาดนั้น เหมือนในจุดนี้ทำให้นางเอกโตขึ้นและด้วยความที่นางเอกโตขึ้นมาในสังคมที่ไม่ดีนักเลยทำให้นางทำใจได้เร็ว ในจุดหักมุมที่สอง เรารู้สึกว่านางเอกตัดสินใจได้ดี ไม่ได้เชื่อคำพูดเกี่ยวกับพระเอกทั้งหมด ส่วนนี้เองที่จะถูกเฉลยในเล่มถัดไป ว่าความสัมพันธ์ของนางเอกและพระเอกจะเดินไปทางไหนต่อ

                เราคิดว่าเรื่องดำเนินไปได้ดีมีเหตุผล อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกเหมือนนางเอกเก่งเว่อร์หรือมีหน้าที่อันหนักอึ้งที่ต้องแบก การกระทำของตัวละครในเรื่องก็สมเหตุสมผล  

                สำหรับใครที่กำลังมองหานิยายเล่มใหม่ เรื่องนี้ก็คุ้มค่าสำหรับการซื้อเก็บแน่นอน 


Read More

Me Before You︱หนังรักที่ไม่ใช่หนังรัก



Me Before You


Director : Thea Sharrock
Writers : Jojo Moyes (screenplay), Jojo Moyes (novel)
Stars : Emilia Clarke, Sam Claflin

เรื่องย่อ
เรื่องราวการโคจรมาพบกันของ ลูอิซ่า คลาร์ก สาวสดใส มองโลกในแง่ดี วัย 26 ปี จากแถบชานเมืองของอังกฤษ ที่กำลังตกงานและมองหางานใหม่ กับ วิล เทรย์นอร์  เศรษฐีหนุ่ม วัย 31 ปี ผู้ป่วยเป็นอัมพาตมา 2 ปี หลังประสบอุบัติเหตุจนกระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บ โลกที่ต่างไปจากเดิมของเขา ทำให้เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากของเขาเป็นเพียงวันเวลาที่แสนน่าเบื่อ
จนเมื่อ คลาร์ก สาวน้อยสุดเปิ่นของเรา ได้มารับหน้าที่ผู้ดูแลสาวแก่ วิล โลกใบเดิมที่แสนน่าเบื่อของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อ คลาร์ก คือสาวน้อยที่เข้ามาเติมเต็มรอยยิ้ม และทำให้ วิล กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมกับมอความหวังที่อยากจะมีชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่าต่อไป



บทความนี้เป็นเพียงความรู้สึกของเราหลังดูหนังจบเท่านั้น อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาในหนัง 

“Push yourself. Don't Settle. Just live well. Just LIVE.”  
― Jojo MoyesMe Before You


            สำหรับเราเรื่องนี้ทำให้นึกถึง the fault in our stars แต่บรรยากาศมันค่อนข้างต่าง (จังหวะในเรื่องนี้คล้ายๆ เลยนะ) พูดถึงเนื้อเรื่องเราคิดว่ามันให้อะไรกับเรามากกว่าความรัก

            ความรักระหว่างนางเอกกับแฟน คบกันมา 7 ปี มันฟังดูดีนะ แต่ทำไมสุดท้ายแล้วนางเอกถึงเลือกพระเอกมากกว่าคนที่คบกันมา 7  ปีละ?

             ในความคิดเราคือแฟนของนาง แพทริค เห็นแต่ความฝันของตัว ความสำเร็จของตัว นั้นก็ไม่ใช่ว่าแพทริคไม่รักลูนะ มันก็ต้องรักนั้นแหละ แต่แพทริคมองเห็นแต่ทางของตัวเอง ไม่เคยเห็นทางของลู เหมือนลูเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามแพทริค ในขณะที่วิลกลับสนับสนุนให้ลูได้ทำนู้นทำนี้ ทำสิ่งใหม่ๆ ให้วิ่งตามความฝันของตัวเอง ก็ไม่แปลกที่ลูจะเลือกวิลมากกว่า เราคิดว่าความสัมพันธ์ที่ดีมันต้องเคารพความฝันและเป้าหมายของกันและกัน สนับสนุนกันและกัน ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงคอยพลักดันอยู่ฝ่ายเดียว

            ความรักระหว่างนางเอกกับพระเอก แค่รักก็เพียงพอต่อการมีชีวิตแล้วเหรอ?
            การมีชีวิตนั้นมันสวยงามและมีคุณค่า นั้นคือสิ่งที่ลูอยากให้วิลรับรู้ โดยการพาวิลออกไปข้างนอก ไปดูแข่งม้า ไปดูคอนเสิร์ต ไปเที่ยว แต่สิ่งเหล่านั้นกลับมาเติมเต็มชีวิตของนางเอกแทน

            ขณะที่วิล พระเอกผู้ตายด้าน เริ่มกลับมายินดีกับชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดอีกครั้ง แต่นั้นเพียงพอต่อการมีชีวิตต่อหรือ? สำหรับเรา เราเห็นด้วยกับการตัดสินใจของวิลนะ ความรักมันไม่สามารถรั้งเราไว้ได้ วิลสัมผัสการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่มาแล้ว ได้เดทกับสาวสวย ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้เที่ยวอย่างสุดเหวี่ยง สุดท้ายแล้วเขาต้องมีชีวิตอยู่เพียงเผื่อรัก? คงเป็นไปไม่ได้ ในความรู้สึกของวิล ตอนนี้มันใช่ตัวตนของเขาอีกต่อไป เพราะทุกครั้งที่เขามองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้นมันทำให้เขาเจ็บปวด

            กลับมาที่ตัวนางเอก แน่นอนว่าพอรู้ว่าตัวเองนั้นไม่สามารถเปลี่ยนใจวิลได้ ก็เสียใจรู้สึกว่าวิลนั้นเห็นแก่ตัว แต่สุดท้ายก็ลูก็ตัดสินใจเดินทางไปเพื่อบอกลาวิล ในส่วนนี้หนังทำให้เรารู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีนั้นควรเคารพการตัดสินใจของกันแหละกัน ถึงบางครั้งมันจะเจ็บปวดแต่มันก็จบอย่างสวยงาม  

“I will never, ever regret the things I've done. Because most days, all you have are places in your memory that you can go to.” ― Jojo MoyesMe Before You


            สุดท้ายแล้วคนที่มาบอกเราว่าควรใช้ชีวิตให้เต็มที่นะ เติมเต็มความฝันของตัวเถอะ คือวิล  และแน่นอนนางก็น้อมรับคำของวิล

            Me Before you สำหรับเรามันคือหนังการใช้ชีวิตมากกว่าหนังรัก หนังทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่าเราใช้ชีวิตนี้คุ่มค่ารึยัง?




ปล. เพื่อนบอกว่าหนังเรื่องนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว และเราก็เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่ตัวเป็นการเห็นแก่ตัวแบบรับได้นะ

Read More
ขับเคลื่อนโดย Blogger.